วันอาทิตย์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

Listening skill

การสอนทักษะฟังภาษาอังกฤษ
การฟัง เป็นทักษะในการรับสารที่มีความสำคัญเป็นอันดับแรก เพราะก่อนที่มนุษย์เราจะเริ่มมีการสื่อสารกัน มนุษย์จะต้องเริ่มต้นที่ทักษะแรกเสียก่อนนั่นคือ ทักษะการฟัง เพราะมนุษย์จะเริ่ม รับรู้ข้อมูลต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวเข้ามาภายในสมอง แล้วจัดการกระทำกับข้อมูลที่ได้รับเข้ามานั้นให้เกิด ประสิทธิภาพ เพื่อจะตอบสนองออกมาเป็นทักษะในการส่งสารเพื่อให้การสื่อสารในครั้งนั้น ๆ บรรลุวัตถุประสงค์ ทักษะการฟังจึงเป็นทักษะพื้นฐานที่สำคัญในการเรียนรู้ทักษะอื่นๆ ทักษะการฟัง หมายถึงความสามารถในการจับ ประเด็นใจความหลักจากสิ่งที่ฟังได้อย่างถูกต้องและครบถ้วนซึ่งเป็นกระบวนการที่สลับซับซ้อน เพราะผู้เรียน ต้องเข้าใจสาระสำคัญจากสิ่งที่พูดอารมณ์และความคิดเห็นของผู้พูดและสามารถตอบสนองระบุความสัมพันธ์ระหว่างผู้พูดหรือบริบทของการ ดังนั้นในการเรียนการสอนนักเรียนจึงควรได้รับการฝึกฝนทักษะการฟังอย่างเพียงพอและจริงจัง (นพเก้า ณ พัทลุง.2548:22) อย่างไรก็ตามในการสอนทักษะการฟังภาษาอังกฤษในสถานศึกษาต่าง ๆ มักจะถูกมองข้ามไปด้วยเหตุผลง่าย ๆ ที่ว่า กระบวนการฟังเป็นทักษะที่วัดออกมาเป็นรูปธรรมได้ค่อนข้างยาก ไม่เหมือนกับการอ่านการพูด และการเขียนที่จะสามารถทราบถึงสมรรถนะของผู้รับสารได้ในทันทีว่าประสิทธิภาพของทักษะทั้ง 3 ด้านหลังนี้ สามารถมองเห็นผลและพัฒนาได้อย่างเป็นรูปธรรม แต่ประสิทธิผลและพัฒนาการของการฟังเป็นกระบวนการที่อยู่ในสมองของคนเราซึ่งจะไม่สามารถแสดงออกมาให้เห็นได้ในทันที นอกเสียจากจะมีสภาพการณ์ในการสื่อสารเกิดขึ้นเสียก่อน จึงจะสามารถทราบได้ถึงสมรรถภาพของทักษะการฟังได้ การสอนทักษะการฟังภาษาอังกฤษจึงไม่ใช่เป็นเพียงการปล่อยให้ผู้เรียนสังเกตจากการได้ยินเสียงพูดของครูไปตามธรรมชาติที่ไม่มีหลักการหรือรูปแบบของการฝึกฝน แต่ครูผู้สอนจะต้องจัดกิจกรรมการฝึกทักษะการฟังอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ และเน้นการฟังจากชีวิตประจำวันที่ผู้เรียนจะต้องมีโอกาสได้พบเห็น ได้ยิน ได้ฟังอยู่ตลอดเวลา เช่น การฟังข้อมูลข่าวสาร การฟังบทเพลง บทสนทนาจากละคร ภาพยนตร์ จากการโฆษณาประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ เป็นต้น เพื่อผู้เรียนจะได้มีทัศนคติต่อการฝึกฝนการฟังในชั้นเรียนว่า ได้เรียนรู้ในเรื่องที่จะเกิดประโยชน์โดยตรงกับตัวผู้เรียน และผู้เรียนก็จะสามารถนำความรู้ที่ได้จากการฝึกฝนทักษะดังกล่าวมาใช้ได้ในชีวิตประจำวันอย่างแท้จริง นอกจากนั้น ในการพัฒนาทักษะการฟัง ผู้เรียนควรเข้าใจและมีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ข้อมูลได้เช่นเดียวกับการอ่าน ลักษณะของบทเรียนควรได้จัดให้สัมพันธ์กับทักษะอื่นและมีความหลากหลาย เพื่อให้ผู้เรียนได้ฝึกกลวิธีการฟังหลากหลายรูปแบบ เช่น การฟังเพื่อจับใจความสำคัญและใจความสนับสนุน ฟังเพื่อตีความและคาดการณ์ ฉะนั้นผู้สอนควรฝึกให้ผู้เรียนรู้คำที่ใช้เรียงลำดับข้อความ ( Organizational Cue ) และคำที่เป็นเครื่องหมายบ่งชี้ ( Marker ) ผู้เรียนต้องมีความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเนื้อหาพอที่จะเข้าใจข้อมูลส่วนที่ฟังไม่ทันได้ ในการพัฒนาทักษะการฟังนั้น ผู้สอนจะต้องให้ผู้เรียนได้ฟังภาษาพูดที่ใช้ได้จริง กิจกรรมเน้นฝึกฟังเสียงที่เป็นลักษณะสำคัญของภาษาพูด เช่น การใช้พยัญชนะผสม ( Clustering ) ใช้คำมากเกินจำเป็น ( Redundancy ) งดออกเสียงบางพยางค์หรือรวบคำ ( Reduced Form ) ตลอดจนผู้เรียนต้องทำความคุ้นเคยกับสำเนียงภาษาที่หลากหลาย ( Variety of Register ) ซึ่งผู้พูดอาจพูดช้าบ้าง เร็วบ้าง ( Rates of Delivery ) ผู้พูดออกเสียงหนักเบา ( Stress ) หรือสูงต่ำ ( Intonation ) จะเห็นได้ว่า แนวทางในการสอนทักษะการฟังภาษาอังกฤษให้แก่ผู้เรียนจึงเป็นเรื่องที่ไม่ได้ยากเกินไปสำหรับครูผู้สอนที่จะเน้นพัฒนาการในทักษะการฟังให้เกิดขึ้นแก่ผู้เรียนอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ เพราะทักษะการฟังเป็นเครื่องมือเบื้องต้นในการรับสารที่จำเป็นของมนุษย์ในการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน (ธูปทอง กว้างสวาสดิ์. 2549 : 86-87)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น